วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำสอน " วิธีง่ายๆ ในการลืมความหลัง " โดยพระอาจารย์ว.วชิรเมธี



วิธีง่ายๆ ในการลืมความหลัง.....




          ความหลังก็คงไม่ต่างอะไรกับทากตัวน้อยๆ หมายความว่า ทากมันจะเกาะและกัดใครคนใดคนหนึ่งอย่างยาวนานก็ต่อเมื่อคนๆ นั้น ยัง “ไม่รู้สึกตัว” ต่อเมื่อเรารู้สึกตัวนั่นแหละ วันเวลาของทากตัวนั้นก็ย่อมจะหมดลง

          คนที่ยังปล่อยให้อดีตอันปวดปร่ามาทำร้ายชีวิตในปัจจุบันขณะได้ ก็คือคนที่ “ยังไม่รู้สึกตัว” เท่านั้น สำหรับคนที่ “รู้สึกตัว” อยู่เสมอ ไม่มีทางหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่คมมีดแห่งอดีตจะกรีดใจให้เจ็บปวด

วันนี้มีวิธีง่ายๆ มาแนะนำ



(๑) หาอะไรทำอยู่เสมอ
         เป็นวิธีแยกจิตออกมาจากความหลัง เมื่อพรากจิตจากความหลังมาอยู่กับการทำงานจนชิน จิตก็ไม่ฟุ้ง ไม่ย้อนกลับไปในอดีตอีก เมื่อจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำอยู่ตรงหน้า จิตก็ผ่องใส หากทำได้บ่อยๆ ความเข้มข้นของบาปในอดีตก็จะเจือจางลงไปโดยอัตโนมัติ

(๒) ฝึกสมถสมาธิ 
           ฝึกสมาธิด้วยการบริกรรมหรือการเพ่งอะไรก็ได้ที่ทำให้จิตใจมีที่ พัก ที่เกาะ ที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยว วิธีที่นิยมใช้ก็คือ การบริกรรม “พุท” เวลาหายใจเข้า และ “โธ” เวลาหายใจออก หรือจะใช้คำอื่นใดก็ได้ที่เมื่อบริกรรมในใจแล้ว ทำให้จิตหายฟุ้งซ่าน แน่วแน่ เป็นหนึ่ง ผ่องใส เมื่อฝึกจนจิตนิ่ง และผ่องแล้ว จิตจะมีความสุขอยู่กับ ปีติสุข มีความแช่มชื่นเบิกบาน ผ่อนคลาย เมื่อจิตได้กำซาบความสุชนิดใหม่ที่เกิดจาก สมาธิภาวนาอยู่เสมอแล้ว ความผิดบาปในใจก็ไม่ลอยฟุ้งซ่านมากัดกร่อนปัจจุบันได้ อย่างเดิมอีก

(๓) ฝึกวิปัสสนาสมาธิ
          หาโอกาสพาตัวเองไป “เข้าเงียบ” กับครูบาอาจารย์ทางด้านวิปัสสนาอย่าง เข้มข้น เมื่อฝึก “ดูใจ” ตัวเองจนรู้เท่าทันอาการทางจิต เช่น คิดก็รู้ ฟุ้งซ่านก็รู้ กลัวก็รู้ มัวหมองก็รู้ ผ่องใสก็รู้ ฯลฯ เมื่อเราสามารถอ่านความเป็นไปของจิตได้ อย่างละเอียดลออลึกซึ้งถึงขั้นพอจิตกระเพื่อม ใจก็ตัดฉับ รู้เท่าทัน จนเหลือแต่ ตัว “สติ” ล้วนๆ อยู่ตลอดเวลา หากทำได้ดังว่าเช่นนี้ คุณก็เหมือนคนที่ “ตื่นแล้ว” จากความหลังอันทุกข์ตรมขมไหม้โดยสิ้นเชิง ในสังคมไทยทุกวันนี้ มีคน ที่จมอยู่ในอดีตจำนวนมาก ที่ได้พรากตัวเองออกจากอดีตอันแสนเจ็บปวดด้วยการ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน แล้วต่างก็ค้นพบว่า คนเราสามารถเป็นอิสระได้ไม่ใช่แค่ จากอดีตที่ไม่อยากจำเท่านั้น ทว่าเรายังสามารถเป็นอิสระได้แม้จากความ ทุกข์ทุกชนิดที่คอยบั่นทอนชีวิตให้ขาดชีวาได้อีกด้วย ทั้งนี้ โดยวิธีง่ายๆ ที่ เรียกว่า การดูใจตัวเอง (วิปัสสนาสมาธิ) ให้เป็นเท่านั้น





ที่มา :สถาบันวิมุตตาลัย

0 ความคิดเห็น:

Blogger Template by Clairvo